ไซคิ คุสึโอะ เป็นเป็นเด็กหนุ่มผมสีชมพูที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นปีที่ 2 ของโรงเรียนมัธยม PK นักเรียนที่มีพลังจิตพิเศษตั้งแต่ที่เกิดมา ความสามารถของเขาไม่เพียงแค่อยู่ในเรื่องของการใช้เทเลพอร์ทเพื่อย้อนเวลาหรือถอดร่าง แต่ยังสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น สะกดจิตเพื่ออ่านความคิดของคนอื่น หรือใช้พลังจิตเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน
แม้ว่าไซคิจะมีพลังจิตที่มากมายและมีความสามารถที่น่าประหลาดใจ แต่เขาต้องการใช้ชีวิตในทางที่ธรรมดาและปกติ โดยไม่ต้องประกาศเรื่องของพลังวิเศษของตัวเองให้คนอื่นรู้ แต่สิ่งนี้กลับไม่ง่ายเพราะเขาต้องพยายามใช้พลังจิตของตนเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และหลบหนีจากสถานการณ์ที่วุ่นวายที่เพื่อนร่วมชั้นและครอบครัวของเขาค่อนข้างเป็นอันตราย
ไซคิพยายามที่จะเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่าง ๆ และพยายามปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมรอบตัว เขามีความฝันที่จะเป็นเพียงคนปกติที่ไม่ต้องห่วงหน้าใครเรื่องความสามารถพิเศษของตน และพยายามสร้างความสมดุลระหว่างการใช้พลังจิตกับชีวิตประจำวัน เรื่องราวนี้เติบโตขึ้นเป็นเรื่องราวของการค้นพบตัวเองและการรับมือกับความแตกต่างในโลกที่เต็มไปด้วยความหลากหลายและความเป็นไปได้ไม่จำกัด
แนวของเรื่องจึงเป็นแบบตลก ๆ กวน ๆ ฮา ๆ เหนือธรรมชาติ (เรียกภาษาบ้าน ๆ ว่า เล่นเว่อ) ออกแนว Parody และ Metafiction หน่อย ๆ
(*Metafiction คือ แนวภาพยนต์หรือวรรณกรรมที่ทำให้ผู้อ่าน/ผู้ชมรู้ว่ามันเป็นเรื่องแต่ง ใครนึกไม่ออกให้นึกถึงกินทามะได้เลย)
แนะนำตัวละครหลัก
ไซคิ คุสึโอะ
ไซคิเรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมปลาย PK ปี 2 ห้อง 3 เขาเป็นผู้ที่มีพลังจิตมาตั้งแต่กำเนิด พลังของไซคินั้นครอบคุมทุกแขนงของพลังจิต แต่ตัวเขาดันอยากใช้ชีวิตแบบคนปกติจึงได้ทำตัวไม่ให้เด่นและไม่ยุ่งกับคนอื่น ไซคิมีพี่ชายชื่อว่า ไซคิ คุสึเกะ อาศัยอยู่ที่ต่างประเทศ เป็นอัจฉริยะจึงเรียนจบตั้งแต่อายุยังน้อย แถมยังเป็นคนประดิฐที่ควบคุมพลังที่ติดอยู่บนหัวไซคิอีกด้วย
เน็นโด ริกิ
เน็นโดเป็นเพื่อนร่วมชั้นของไซคิ เขามักจะมาคุยเล่นกับไซคิและชวนไปกินราเม็งด้วยกันอยู่บ่อย ๆ ถึงหน้าตาจะเหมือนนักเลงแต่จริง ๆ นิสัยร่าเริง บ้าบอ แถมชอบทำตัวเหนือความคาดหมาย ทำให้เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ไซคิไม่สามารถอ่านใจได้
ไคโด ชุน
ไคโดเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นของไซคิ เขามีนิสัยที่ค่อนข้างแปลก แถมยังชอบจินตนาการว่าแขนขวาของตัวเองมีพลังแห่งความมืดไหลเวียนอยู่เพื่อต่อสู้กับองค์กรลับ ดาร์กรียูเนี่ยน และชอบเรียกตัวเองว่า เจ็ตแบล็กวิงส์ อีกด้วย
ไฮโระ คิเนชิ
ไฮโระก็เป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นของไซคิเช่นเดียวกัน เขาเป็นหัวหน้าห้องปี 2 ห้อง 3 มีนิสัยเอาจริงเอาจังกับทุกอย่าง คอยสร้างแรงจูงใจให้กับเพื่อน ๆ เสมอ แถมไฮโระยังเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมาก ๆ อีกด้วย ด้วยเหตุนี้เขาจึงเป็นที่รักของทุกคนในห้อง
เทรุฮาชิ โคโคมิ
เทรุฮาชิเองก็เป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นของไซคิ เธอมีใบหน้าที่งดงามมาก ๆ ทำให้โด่งดังและเป็นที่หมายปองของทุกคนทั้งโรงเรียน ไม่ว่าใครเจอเธอก็ต้องร้อง โอ้ ทุกคน
ยูเมฮาระ จิโยะ
ยูเมฮาระเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นของไซคิ เธอเคยแอบปิ๊งไซคิจึงพยายามเข้าหาอย่างเต็มที่ แต่ไซคิที่มีพลังจิตสามารถรู้อนาคตได้นั้น ก็พยายามหาเหตุต่าง ๆ มาเพื่อขัดขวางเธอ จนยูเมฮาระยอมแพ้แล้วกลับใจไปชอบไคโดแทน
โทริซึกะ เรย์ตะ
โทริซึกะเป็นนักเรียนใหม่ อยู่คนละห้องกับไซคิ เขามีพลังการมองเห็นวิญญานมาตั้งแต่กำเนิด และเป็นคนเดียวในโรงเรียนที่รู้ว่าไซคินั้นมีพลังจิต นั่นจึงทำให้เขามาสมัครเป็นศิษย์ให้ไซคิสอนพลังจิตให้ โทริซึกะมีสัยชอบหลีสาว แถมยังชอบให้วิญญานไปส่องใต้กระโปงสาว ๆ เพื่อมาบอกว่าพวกเธอใสชั้นในสีอะไร โรคจิตจริง ๆ
รีวิวจากผู้เขียน
อนิเมะ “The Disastrous Life of Saiki K.” หรือในชื่อภาษาไทย “ไซคิหนุ่มพลังจิตอลเวง” (2018) เป็นเรื่องคอมเมดี้แนวพลังจิตที่มีความตลกเต็มไปด้วย ทำให้เหมาะกับการรับชมทั้งเพศทุกวัย มันเป็นแหล่งบันทึกความขำขันที่ดีสำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนหลังจากดูอนิเมะที่มีบรรดาความเศร้า
ผู้เขียนรีวิวเล่าว่าเขาเป็นคนที่กลัวผีมาก และความสยองของตอนกลางคืนเพิ่มขึ้นเป็นสิ่งที่กังวล แต่ก็ได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการรับชมอนิเมะเรื่องนี้ ซึ่งช่วยลดความกังวลและกลัวไป เนื้อเรื่องของอนิเมะเป็นแนวเบาสมองที่เต็มไปด้วยความสนุก และสามารถให้คุณหัวเราะอย่างมั่นใจ นอกจากนี้ ตัวละครหัวหน้าห้องไฮโระยังเพิ่มความสนุกด้วยความขำขันอีกด้วย พวกเขาเป็นจุดเน้นในแต่ละตอนย่อย และสามารถเลือกดูตามความต้องการได้
อนิเมะนี้มีภาพสวยงามและใช้สีสันที่ชอบของผู้เขียน ชุดนักเรียนเป็นสีเขียวทำให้การรับชมเป็นไปอย่างสบายตา ตัวละครแต่ละคนมีเอกลักษณ์ที่สื่อถึงตัวตนของพวกเขาได้ดี ภาพและตัวละครประสิทธิภาพสร้างสรรค์มาอย่างดี ทำให้ทุกอย่างเข้ากันไปอย่างสมบูรณ์
เนื้อเรื่องของอนิเมะไม่ได้ซับซ้อนมาก มุขตลกเป็นจุดเด่นและเน้นที่ชีวิตประจำวันของไซคิที่มีพลังจิตเยอะกว่า การดูมันสบาย ๆ และรับรู้ความขำขันโดยตลอด ฉากที่พี่แกตั้งชื่อหนูแฮมเตอร์เป็นต้นเหตุที่ตลกมาก ฮ่า
รวมทั้งเสียงพากย์เสียงดี ทั้งนี้ยังมีเสียงหัวเราะที่ทำให้อนิเมะนี้น่าสนุกขึ้น ถ้าคุณยังไม่เคยดู ผู้เขียนอย่างยิ่งแนะนำให้ดูเพราะจะมีความสนุกและความขำขันอย่างแน่นอน รับรองว่าคุณจะมีการหัวเราะสนุกมากและรับประกันได้ว่าจะได้สัมผัสความบันเทิงที่ดีจากอนิเมะนี้ ไม่ต้องรอช้าเลยค่ะ แนะนำให้ชม
