‘Kotaro Lives Alone’ เรื่องราวของ”ซาโตะ โคทาโร่” เด็กน้อยอายุ 5 ขวบ ที่ต้องหอบข้าวของมาอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์เล็ก ๆ แห่งหนึ่งเพียงลำพัง เรื่องราววุ่นๆได้เกิดขึ้นหลังจากที่โคทาโร่ ได้รู้จักกับสารพัดเพื่อนบ้านและเพื่อนข้างห้อง “ชิน คาริโนะ” นักเขียนมังงะไส้แห้ง มีนิสัยชอบเก็บตัว และหมกตัวอยู่แต่ในห้องพัก แต่เมื่อเหล่าเพื่อนบ้านต่างๆได้พบกับโคทาโร่ ก็ได้เกิดความเอ็นดูในตัวเด็กคนนี้ จนแย่งกันทำหน้าที่แทนผู้ปกครองที่แท้จริง ซึ่งไม่มีใครรู้เลยว่าเด็กน้อยโคทาโร่ คนนี้ ถึงแม้ภายนอกจะเป็นเด็กน่ารักไร้เดียงสาแต่กลับเต็มไปด้วยความลับมากมาย ที่เก็บซ่อนเอาไว้ เรื่องราวจะไปทางแนวสนุกสดใส หรือ แนวเศร้าเคล้าน้ำตา ต้องไปติดตามดูกันเอง แต่บอกได้เลยว่า ‘Kotaro Lives Alone’ เรื่องนี้ ทำให้ใครหลายๆคนถึงกับเสียน้ำตากันมานักต่อนักแล้ว
เรื่องย่อ
Kotaro Lives Alone ดูจะเป็นการ์นตูนญี่ปุ่นอีกเรื่องที่เล่นกับรูปแบบและความเป็นอนิเมะ คือ การมีเด็กแปลกๆ ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมันดูเหนือจริง แล้วในเรื่องก็เล่าเรื่องความซิตคอมในมิติต่างๆ ด้วยสีสัน น้ำเสียงและบทสนทนาที่ชวนหัวตามสไตล์อนิเมะแบบการ์ตูนญี่ปุ่น แต่ทว่าในระดับเรื่อง Kotaro Lives Alone เองก็กำลังเล่าเรื่องที่มีเงื่อนไขว่า ‘การที่เด็กคนหนึ่งต้องมาใช้ชีวิตอยู่ลำพัง’ ในชีวิตจริงมันเกิดอะไรขึ้น อะไรคือเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังการใช้ชีวิตโดยลำพังอันแปลกประหลาดนั้น
ในแง่นี้ วิธีการหนึ่งของการเล่าเรื่อง Kotaro Lives Alone จึงมีลักษณะคลายงานแนวสืบสวนสอบสวน คือเราเองค่อยๆ ได้เรียนรู้ชีวิตของโคทาโร่ผ่านบทสนทนาและเหตุการณ์ปัจจุบันและจากตัวละครที่รายล้อมชีวิตของโคทาโร่ ตัวละครที่แทบไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับชีวิต โดยเฉพาะการสมาชิกในครอบครัวอันเป็นพื้นที่พื้นฐานของเด็ก เหล่าตัวละครที่อาจจะอยู่ใกล้ชิดในเชิงกายภาพเช่นอยู่ห้องข้างๆ หรือมีความสัมพันธ์โดยเงื่อนไขทางอาชีพ เช่น ทนายความ คนส่งหนังสือพิมพ์
ในวิธีการเล่าเรื่องแบบสืบสวน การสืบสวนในที่นี้จึงไม่ได้เล่าผ่านมิติของการฆาตกรรมหรืออาชญกรรม แต่คือการไขปริศนาที่มีบริบทสมัยใหม่และวิถีเมืองเป็นศูนย์กลาง แน่นอนว่าชีวิตของโคทาโร่นั้นซ่อนโศกนาฏกรรมไว้ แต่นอกจากเรื่องราวของโคทาโร่เอง การเล่าเรื่องของ Kotaro Lives Alone ยังมีกลิ่นอายวิธีการเล่าเรื่องของวรรณกรรมญี่ปุ่นและหนังญี่ปุ่นร่วมสมัย เรื่องราวที่เล่าถึงคนแปลกหน้าและการใช้ชีวิตอย่างเดียวดายในเมืองใหญ่ที่มีวิธีเล่าที่ให้เรื่องราวค่อยๆ ซึมลึกโดยปราศจากความฟูมฟาย
เรื่องราวของโคทาโร่ที่สัมผัสใจคนจนน้ำตาร่วงอาจจะไม่ใช่เรื่องของโคทาโร่ แต่เป็นเรื่องของเรา เรื่องราวของการเก็บงำความร้าวรานอย่างเงียบงัน การก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญจนไร้เดียงสา และเหล่าคนพ่ายแพ้ที่รวมตัวกันโดยมีฉากเป็นเมืองใหญ่อันอึกทึกนี้
ตัวละครที่สำคัญ:
ซาโตะ โคทาโร่
เด็กชายวัย 5 ขวบที่มีนิสัยแปลกๆ ชื่อว่า ซาโตะ โคทาโร่ เขามาเช่าห้องอพาทเม้นต์หมายเลข 203 อยู่เพียงลำพัง มีนิสัยที่อ่อนน้อมถ่อมตน พูดจาภาษาขุนนางศักดินา รักสันโดษ อีกทั้งยังชอบทำตัวดูผู้ใหญ่กว่าอายุ ชื่นชอบ ตัวละครและการ์ตูน โทโนะซามัน มากที่สุด
ถึงแม้ว่าเขาจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ และดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี แต่ทว่าในทางกลับกันเขาก็มีมุมที่เป็นเด็กให้เราได้เอ็นดูเขาอยู่บ้าง
ชิน คาริโนะ
นักวาดและนักเขียนการ์ตูนมังงะไส้แห้ง เป็นวัยรุ่นชายที่นิสัยอิเรื้อยเฉื่อยแฉะ พักอาศัยอยู่ห้องเบอร์ 202 ข้างห้องของโคทาโร่ ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นคนไม่เอาไหน แต่เขาก็มีความุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพนักเขียน อีกทั้งเขายังคอยเป็นผู้ปกครอง และคนที่คอยดูแลโคทาโร่อยู่ห่างๆ อีกด้วย
อากิโตมิ มิซึกิ
Hostess สาวสวย น่ารัก ที่อาศัยอยู่ห้อง 201 เธอเป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส และ ให้พลังบวกกับใครหลายๆ คนตลอดเวลา เธอเป็นเพื่อนบ้านผู้หญิงที่โคทาโร่สนิทชิดเชื้อด้วยมากที่สุด
ทามารุ อิซามุ
ชายวัยกลางคนที่อาศัยอยู่ห้อง 102 ชั้นล่างของอพาทเม้นต์ เขาดูเหมือนจะคลั่งและชอบโคทาโร่จังเอาแบบสุดๆ ถึงแม้ภายนอกจะดูเหมือนยากุซ่า แต่ทว่าเขามีจิตใจที่ดีและรักเด็กแบบสุดๆ ไปเลย
รีวิว Kotaro Lives Alone:
และก็มาถึงในช่วงของการรีวิว Kotaro Lives Alone กันแล้ว ส่วนตัวสำหรับทางเราที่ได้ดู ต้องขอบอกเลยว่า ทางเราได้เสียน้ำตาเป็นลิตรๆให้กับอนิเมะเรื่องนี้ไปแล้ว เป็นเรื่องที่ดูแล้วรู้สึกเจ็บปวดหัวใจอยู่แทบตลอดเวลา ดูแล้วรู้สึกเห็นใจเด็กคนนี้มากๆที่เขาต้องผ่านอะไรมาคนเดียว ต้องมาอยู่คนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียว ยิ่งฉากที่เขาเล่นกับลูกโป่งคนเดียว ฉากนั้นคือร้องไห้หนักมาก
เอาเป็นว่า Kotaro Lives Alone เป็นอนิเมะที่ดูเหมือนเด็กจะดูได้ แต่สำหรับเราแล้ว ผู้ใหญ่ดูไว้น่าจะดีกว่า เนื้อหาของเรื่องอบอวลไปด้วย เสียงหัวเราะ ความน่ารัก น่าเอ็นดู ความตลก และ ข้อคิดที่ผู้ใหญ่อย่างเราบางทีก็ละเลยไปอย่างไม่รู้ตัว
“คุณจะร้องไห้ก็ได้นะ ถึงแม้ว่าคุณจะร้องไห้ กระผมก็ไม่รังเกียจคุณหรอก การร้องไห้เป็นเรื่องปกติ”
ประโยคนี้มาจาก โคทาโร่ ตอนแรก เราบอกเลยว่าเป็นประโยคที่ชวนคิดและเราพบเห็นได้ในชีวิตประจำวันมากที่สุด บ่อยครั้งที่เรามักปลอบโดยนคนอื่นด้วย ความ Empathy ต่างๆ เห็นอกเห็นใจ และปลอบโยน ในวันที่คนรอบข้างเราร้องไห้เสียใจ
แต่ในทางกลับกัน เรามักไม่ยอมปล่อยให้ตนเองได้เสียใจอย่างที่เราปลอบและเข้าใจคนอื่นเลยซักนิด เฝ้าแต่คอยบอกว่า ตนเองต้องเข้มแข็ง ทั้งที่การร้องไห้หรือการยอมรับถึงความอ่อนแอ ก็คือการแสดงออกของความเข้มแข็งในรูปแบบหนึ่ง
นอกจากแง่คิดที่ผู้ใหญ่อย่างเราจะได้รับแบบทั้งทางตรงและทางอ้อมในเรื่องนั้น สำหรับเราแล้วส่วนตัวอนิเมะเรื่องนี้ อาจจะไม่ใช่ Comedy Anime ขนาดนั้น เพราะมันแฝงไปด้วยความดราม่าที่แทรกซึมในชีวิตของโคทาโร่
ทำให้เราคิดว่า หากชีวิตของเราเป็นแบบนี้จริงๆ เราจะเข้มแข็งและแข็งแกร่งได้อย่างเขาไหมนะ แต่สุดท้ายแล้ว อนิเมะเรื่องนี้ถือว่าเป็นอีกอนิเมะหนึ่งที่ควรค่าแก่การรับชมมากที่สุดเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้